วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561

บทที่ 7 ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การ(ERP)


ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning เป็นระบบสารสนเทศที่บูรณาการงานหลักต่าง ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การขาย การบัญชี และการบริหารบุคคล ก่อนการนำERP มาใช้ แต่ละฝ่ายแต่ละแผนกมักจะมีระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมเฉพาะสำหรับการทำงานของตนเอง การนำERP มาใช้เหมือนกับการเชื่อมโยงให้เกาะต่าง ๆรวมเป็นแผ่นดินแผ่นเดียวกัน ช่วยให้ผู้บริหารสามารถรับรู้สถานภาพการทำงานของฝ่ายหรือแผนกต่าง ๆได้อย่างทันท่วงที
วัฒนาการของระบบ ERP
ก่อนที่จะมีระบบ ERP วงการอุตสาหกรรมได้นำระบบการวางแผนความต้องการวัสดุ หรือที่เรียกว่า MRP มาช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน เกี่ยวกับการหารายการ และ จำนวนวัสดุที่ต้องการตามแผนการผลิตที่วางไว้ และ นำมาช่วยด้านบริหารการผลิต ต่อมาจึงมีการขยายขอบเขตระบบ MRP จากเดิมโดยรวมเอาการวางแผน และการบริหารทรัพยากรการผลิตอื่น ๆ เช่น การวางแผนงบการจัดซื้อวัตถุดิบ การวางแผนกำลังคนในการผลิต ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน และ ต้นทุนการผลิต หรือการเงินเข้ามาในระบบ เรียกว่าระบบ MRP II (Manufacturing Resource Planning) แต่ระบบ MRP ยังไม่สามารถสนับสนุนการทำงานทั้งหมดในองค์การได้จึงมีการขยายระบบให้ครอบคลุมงานทุกหลักอย่าง จึงเป็นที่มาของระบบ ERP ในปัจจุบันได้ขยายขีดความสามารถของระบบ ERP ให้สามารถบูรณาการเข้ากับระบบงานภายนอกองค์การ เช่น ระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ระบบการบริหารห่วงโซ่อุปทาน
กระบวนการทางธุรกิจที่สนับสนุนโดยระบบ ERP
ERP
ช่วยจัดกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดในองค์การ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตสินค้า กระบวนการฝ่ายการเงิน และ การบัญชี กระบวนการขาย และ การตลาด กระบวนการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และอื่นๆ เพื่อให้กระบวนการทำงานภายในองค์การเป็นไปโดยอัตโนมัติ รวดเร็ว ไม่ซ้ำซ้อน สามารถลดต้นทุนทั้งระบบได้
กระบวนการทางธุรกิจที่สนับสนุนโดยระบบ ERP
กระบวนการผลิตสินค้า จะดูแลเรื่องเกี่ยวกับ การวางแผนความต้องการ และการจัดซื้อวัตถุดิบ การควบคุมสินค้าคงคลัง การจัดการตารางการผลิต การวางแผนกำลังการผลิต
กระบวนการฝ่ายการเงิน และ การบัญชี จะดูแลเรื่องเกี่ยวกับ บัญชีทรัพย์สิน บัญชีต้นทุน บัญชีรายรับ-รายจ่าย การบริหารเงินสดและ รายงานด้านการเงิน
กระบวนการขาย และ การตลาด จะดูแลเรื่องเกี่ยวกับ การบริหารการขาย การวางแผนการตลาด กำหนดราคาสินค้า การนำส่งสินค้า การสั่งซื้อสินค้า
กระบวนการฝ่ายทรัพยากรบุคคล จะดูแลเรื่องเกี่ยวกับ การรับสมัครคัดเลือกบุคลากร การจ่ายค่าตอบแทน การประเมิณผลการปฏิบัติงาน การวางแผนฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากร
ประโยชน์และความท้าทายของระบบ ERP
1. กระบวนการบริหาร ERP เป็นระบบที่สามารถรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ให้กับผู้บริหารได้อย่างเที่ยงตรง ทำให้ผู้บริหารทราบผลการดำเนินงาน และตรวจสอบสถานการณ์การดำเนินงานขององค์การ ระบบERP ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปในทางเดียวกัน
2. เทคโนโลยีพื้นฐาน ERP ช่วยเชื่อมโยงระบบงานต่าง ๆที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกันเสมือนเป็นระบบเดียวกันทั้งองค์การการสร้างมาตรฐานและสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ของระบบงานต่าง ๆ จะช่วยลดเวลา และจำนวนคนในการทำงาน ลดขั้นตอน และ ค่าใช้จ่าย
3. กระบวนการทำงานที่รวดเร็ว การบูรณาการงานหลักต่าง ๆขององค์การเข้าด้วยกันช่วยให้ประสานงานทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

❤ขั้นตอนการนำระบบ ERP มาใช้ในองค์การ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ
1. การศึกษาและการวางแนวคิด
ในขั้นแรกจะต้องทำการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันขององค์การว่ามีความจำเป็นจะต้องนำ
ERP มาใช้ในองค์การหรือไม่ ต้องมีการศึกษา และ ทำความเข้าใจถึงรูปแบบทางธุรกิจ กระบวนการทางธุรกิจปัญหาขององค์การและสภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว จากนั้นก็รอขั้นตอนขออนุมัติจากผู้บริหารเพื่อให้นำ ERPมาใช้ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วก็เริ่มทำในขั้นตอนการวางแผนต่อไป
2. การวางแผนนำระบบมาใช้
จะต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้การคัดเลือกระบบ
ERP เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ คณะกรรมการจะดำเนินงานเกี่ยวกับการกำหนดลำดับขั้นตอนของกระบวนการทางธุรกิจใหม่ กำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายและขอบข่ายในการนำERPมาใช้ทุกส่วนขององค์การ หรือนำมาใช้กับกระบวนการหลักๆขององค์การ
3. การพัฒนาระบบ
เป็นขั้นตอนที่ลงในรายละเอียดของการพัฒนาระบบที่เหมาะสมกับองค์การ ประกอบไปด้วยการจัดทำแผนโครงการพัฒนาโดยละเอียด กำหนดงานที่จะต้องทำพร้อมทั้งระบุเวลา และเป้าหมายที่จะได้รับ ทำการสำรวจระบบ
 งานปัจจุบันว่าจะต้องปรับปรุง ลดขั้นตอน หรือ เปลี่ยนแปลงงานอย่างไรสรุปความต้องการขององค์การว่ามีความต้องการซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถอะไรบ้าง แล้ว กำหนดรูปแบบทางธุรกิจ และกระบวนการทางธุรกิจที่น่าจะเป็นและนำกระบวนการนี้มาเปรียบเทียบกับกระบวนการทางธุรกิจที่มีให้เลือกจากซอฟต์แวร์ ERP
4. การใช้งานและปรับเพิ่มความสามารถ
ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบ ERP ซึ่งจำเป็นต้องมีการฝึกอบรม และให้การสนับสนุนบุคลากรในการใช้ระบบ ส่งเสริมให้บุคลากรมีความชำนาญในการใช้ระบบ มีความเข้าใจและเชื่อมั่นในข้อมูลที่ได้จากระบบ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ หลังติดตั้งแล้วต้องมีการประเมินผลจากการนำระบบมาใช้เป็นระยะ และนำผลประเมินนั้นมาปรับปรุงระบบต่อไป
👉การขยายขีดความสามารถของระบบ ERP และระบบเครือข่ายอุตสาหกรรม
องค์การหลายแห่งจึงให้ความสำคัญกับการขยายขีดความสามารถของระบบ ERP จากเดิมที่มีระบบ ERP เป็นแกนหลักของระบบข้อมูล และสนับสนุนการดำเนินงานภายในองค์การ เป็นการขยายขอบเขตให้เชื่อมโยงกับองค์การภายนอกได้ เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกัน และประสานกระบวนการทางธุรกิจระหว่างองค์การ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

sss